ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูว่า ถ้าเราอยากมีหนังสือของตัวเอง ต้องมีความรู้เรื่องอะไรบ้าง ? ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย…
ข้อแรกนี้ เป็นขั้นเริ่มต้นของนักเขียนทุกท่าน การรู้จักเลือกหาหนังสือเล่มที่ชอบมาอ่าน เป็นเหมือนการทำความเข้าใจ สังเกต เก็บข้อมูล และดูวิธีการเขียนหนังสือของผู้เขียน ซึ่งถือเป็นวิธีการแรกสุดของการเริ่มต้นหัดเขียน เมื่อเราอ่านและจับสังเกตได้ว่า เขามีวิธีการเขียนอย่างไร เขาเลือกใช้คำแบบไหน เขาเริ่มต้นอย่างไร เขาลงท้ายอย่างไร เราก็สามารถนำมาเป็นไกด์สำหรับการเริ่มต้นเขียนของเราได้เช่นกัน
เราต้องถามตัวเองให้ดีว่า สิ่งที่อยากเขียนคืออะไร อยากเขียนแนวไหน ซึ่งในการเขียนหนังสือแต่ละแนว เราก็ต้องศึกษาวิธีการเขียนแบบนั้น ๆ ด้วย เช่น เขียนเรื่องสั้น ต้องมีโครงเรื่อง ตัวละคร รู้จักวิธีการเล่าเรื่อง มีประเด็นที่จะเขียน คำนำ เนื้อเรื่อง สรุป องค์ประกอบเป็นเกณฑ์นำทางในการเริ่มต้นเขียน
เมื่อรู้แล้วว่า จะเขียนอะไร แนวไหน ก็ให้หาประเด็น หาหัวข้อที่จะเขียน โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่ ต้องกำหนดโจทย์ในการเขียนให้ตัวเอง เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว เราจะไม่ยอมเขียน
เพราะมือใหม่เริ่มหัดเขียน อาจไม่ค่อยมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองเขียนนั้นดีหรือไม่ ดังนั้น อันดับแรกคือเราต้องเขียนให้ตัวเราเองอ่านแล้วพอใจก่อน ซึ่งวิธีการก็คือ ให้เราเขียนไปตามความรู้สึก เขียนแบบเพื่อสื่อสารข้อความให้เข้าใจ อย่าเพิ่งไปกังวลกับสำนวนหรือความสวยงามของภาษามากนัก เราคิดอย่างไร ก็เขียนอย่างนั้น เราพูดอย่างไร ก็เขียนอย่างนั้น เมื่อเขียนจบ ให้ลองอ่านออกเสียง และฟังสิ่งที่เราเขียนไป จะทำให้เราเริ่มจับได้ว่า ตรงไหนติดขัด ตรงไหนไม่ลื่นไหล ตรงไหนสะดุด แล้วก็ค่อย ๆ เกลา แต่งเติมไปทีละนิด
อย่าเก็บเอาไว้อ่านคนเดียวเด็ดขาด เพราะคุณค่าของนักเขียนนั้น ก็เกิดจากการมีคนอ่านทั้งสิ้น ดังนั้น อย่าอาย อย่ากลัว และเปิดใจยอมรับทุกคำติชม เพราะไม่มีทางที่งานเขียนของเราจะไม่ถูกวิจารณ์ แต่ในการถูกวิจารณ์ก็จะทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเอง พัฒนางานเขียนของเราให้ดีขึ้นไปอีก
การมีวินัย ความสม่ำเสมอในการเขียน จะทำให้เราเขียนเก่งขึ้น ไวขึ้น คมขึ้น และการมีงานเขียนส่งไปให้ผู้อ่านทุกวันสม่ำเสมอ คือ สิ่งที่จะทำให้ผู้คนเข้าใจเรามากขึ้น ยอมรับเรามากขึ้น และชื่นชอบผลงานของเรามากขึ้น ซึ่งการเป็นนักเขียน หน้าที่ความรับผิดชอบหลัก คือ การคิดและการเขียน ทั้งนี้ความขยันเขียนและพัฒนาตัวเอง จะทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ
คือ หัวใจหลักของงานทุกชนิด นั่นก็เพื่อเป็นการกำหนดจุดเริ่มต้นไปจนถึงจุดหมาย เราต้องรู้ว่า เรื่องของเราจะเริ่มยังไง ? จบยังไง ? คิดไว้ก่อนคร่าว ๆ
วิธีการก็คือเขียนออกมาแบบคร่าว ๆ ให้พอรู้ว่าประมาณไหน จากนั้นก็เริ่มทำการเขียนเนื้อเรื่องตามโครงเรื่องที่เราวางไว้ได้เลย
หลังจากพิมพ์เนื้อหาทุกอย่างเสร็จแล้ว ให้กลับไปอ่านเรื่องที่เขียน ตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย เพื่อหาดูว่า มีข้อผิดพลาดอะไรบ้าง เช่น สำนวน การสะกด วรรคตอน ย่อหน้า เป็นต้น เมื่อรู้ว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนก็ค่อย ๆ แก้ไข
แต่การ Re Write รอบเดียวอาจจะไม่ครบถ้วน ดังนั้น จึงควรอ่านอย่างน้อย 3 – 5 รอบ เพื่อให้ไม่เจอข้อผิดพลาดอีก
บรรณาธิการ คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบต้นฉบับของนักเขียน ซึ่งบรรณาธิการจะทำหน้าที่แก้ไข แนะนำสิ่งที่สมควรต่าง ๆ จากนั้นต้นฉบับที่ถูกแก้ไขแล้วจะถูกปริ้นท์ใส่กระดาษ A4 เพื่อส่งกลับมาที่นักเขียนอีกครั้ง โดยระยะเวลาที่บรรณาธิการตรวจสอบประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ หรือตามเวลาที่ตกลงกัน
เป็นการ Re Write โดยนักเขียน ซึ่งตรงกระบวนการนี้ ต้นฉบับของนักเขียนจะเหลือข้อผิดพลาดน้อยมาก นักเขียนจะได้ต้นฉบับมาดูอีกครั้งเพื่อตรวจว่ามีอะไรตกหล่นหรือไม่ ? และตรงนี้บรรณาธิการส่วนใหญ่จะแจ้งมาว่า ขอแก้ตรงนี้ ขอแนะนำตรงนี้ มีข้อสงสัยตรงนี้ นักเขียนก็ปรับตามความเหมาะสม นอกจากการตรวจตราและแก้ไขแล้ว นักเขียนยังสามารถเพิ่มเติมความสมบูรณ์ของเนื้อเรื่องได้ด้วย
การส่งกลับไปให้บรรณาธิการครั้งนี้ เพื่อตรวจดูสิ่งที่เราแก้ไขอีกครั้ง ว่าถูกต้องหรือต้องแก้ไขอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า
การส่งกลับไปยังนักเขียนครั้งนี้ เพื่อเป็นตรวจสอบความถูกต้องครั้งสุดท้าย ซึ่งตรงนี้จะไม่ค่อยมีการแก้ไขอะไรแล้ว โดยผลงานจะสมบูรณ์ไปแล้ว 95% ดังนั้น นักเขียนแค่ตรวจดูความละเอียดของเนื้อเรื่องเท่านั้น เมื่อตรวจเสร็จก็ส่งต้นฉบับกลับไปที่บรรณาธิการ และจะกลายเป็น ต้นฉบับ 100%
หลังจากที่ ต้นฉบับ A4 ถูกตรวจสอบครบถ้วนแล้ว จะมีทีมงานฝ่ายบรรณาธิการทำหน้าที่จัดการกับหน้ากระดาษให้เป็นไปตามโครงสร้างของรูปแบบที่เราตั้งใจจะจัดทำออกมา ตรงนี้จะมีการกำหนดรูปแบบของหนังสือด้วยว่า ขอบบน ขอบล่าง ด้านข้างทั้งสอง เว้นเท่าไหร่ ? ตัวหนังสือแบบไหน ? ไซส์อะไร ? ขนาดช่องไฟ ช่องว่างการเว้นบรรทัดเท่าไหร่ ? การย่อหน้าเท่าไหร่ ? หลังจากจัดหน้ากระดาษแล้ว ส่วนมากนักเขียนจะได้ดูอีกรอบ เพื่อตรวจว่าเขาจัดการถูกต้องไหม ? นั่นเอง
หลังจากที่ต้นฉบับถูกพิมพ์เพลทออกมาเรียบร้อย ก็จะเอาต้นฉบับพวกนี้ไปเข้ารูปเล่มแบบที่ทางทีมบรรณาธิการแนะนำ และเมื่อเสร็จการเข้ารูปเล่ม ต้นฉบับของนักเขียนก็จะกลายเป็นผลงาน
ต้นทุนการผลิตหนังสือหนึ่งเล่มนั้น มีกระบวนการหลายขั้นตอน หากไม่ได้อยู่ในแวดวงการก็ไม่มีทางรู้ว่า หนังสือแต่ละเล่มที่วางขายอยู่บนแผงหนังสือนั้น มีต้นทุนในการผลิตเท่าไหร่ ? ซึ่งต้นทุนที่นักเขียนต้องรู้นั้นมี ดังนี้
ทุกงานเขียนจะต้องถูกเขียนโดนนักเขียน ทางสำนักพิมพ์จะต้องลงทุนในค่าลิขสิทธิ์ ซึ่งค่าลิขสิทธิ์นี้จะขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างสำนักพิมพ์และนักเขียน
ภาพปกของหนังสือที่สวยงาม เป็นผลงานการออกแบบของนักออกแบบมืออาชีพ ที่สร้างสรรค์งานออกมาเป็นปกหนังสือและกราฟิกต่าง ๆ ในหนังสือ
การทำหนังสือ 1 เล่มจะต้องมีบรรณาธิการ และเจ้าหน้าที่ในการพิสูจน์อักษร รวมไปถึงการจัดเรียงหน้าต่าง ๆ ของหนังสือเพื่อให้หนังสือเล่มหนึ่งน่าอ่านก่อนที่จะพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่ม
ค่าจัดทำวัตถุดิบต่าง ๆ กระดาษ ค่าประกอบเล่ม ค่าพิมพ์ต่างๆ
หนังสือขายส่ง ต้นทุนค่าฝากขายร้านนับว่าเป็นต้นทุนที่มากที่สุดของการพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่งเลย เพราะร้านหนังสือและสายส่งจะคิดราคาตรงนี้อยู่ที่ 40% ของราคาปก ซึ่งทางสำนักพิมพ์จะเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายตรงจุดนี้
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นต้นทุนต่อการผลิตหนังสือหนึ่งเล่ม เราจะเห็นได้ว่าการผลิตหนังสือหนึ่งเล่มนั้นทางสำนักพิมพ์จะมีกำไรไม่มากเท่าไหร่
ต้นทุนการผลิต E-book นั้นประหยัดกว่าหนังสือเล่มมาก เมื่อเทียบกับการจัดทำในรูปแบบการพิมพ์แบบกระดาษ เพราะต้นทุนที่ต้องจ่ายในการผลิต เกี่ยวกับค่าวัตถุดิบกระดาษ ค่าพิมพ์ ค่าเข้าเล่มต่าง ๆ นั้น จะถูกนำมาใช้สำหรับการจัดทำลงระบบ E-book แพลตฟอร์มออนไลน์แทน และจุดแข็งอย่างหนึ่ง คือ การที่เข้าถึงหนังสือได้พร้อมกันในเวลาเดียวกันจากอุปกรณ์ที่หลากหลาย
และนี่คือทั้งหมดที่ นักเขียน ต้องมีความรู้ กว่านักเขียนจะมีหนังสือเป็นของตัวเองได้ 1 เล่มนั้น บอกเลยว่าไม่ใช้เรื่องง่าย ๆ เลยที่จะมีหนังสือเป็นของตัวเองได้
สุดท้ายนี้ หากนักเขียนท่านไหนอยากทำหนังสือตัวอย่าง หรือ demo เพื่อเสนอ บริษัท สยามจุลละมณฑล จำกัด ยินดีให้บริการออกแบบและรับพิมพ์หนังสือทุกรูปแบบ โดยไม่จำกัดจำนวนขั้นต่ำ เพียง 1 เล่มก็สามารถพิมพ์ได้ เราพร้อมให้คำปรึกษา คำแนะนำ และรับประกันงานพิมพ์คุณภาพ สวยงาม ไม่เหมือนใคร ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย พร้อมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านงานพิมพ์ที่รวดเร็วและตรงต่อเวลา
ที่มา:
webcache.googleusercontent.com
jampay.in.th
praphansarn.co